หม่ำอาหารทะเล..แค่เอื้อม

แหม...หน้าร้อนซะอย่างนี้ ก็ต้องอารมณ์เที่ยวทะเล กินอาหารทะเลสดๆซิ ถึงจะโดนใจ พร้อมรึยัง? ไม่ต้องไปไกลหรอก ใกล้ๆกรุงเทพนี่แหละ ประหยัดเวลา ประหยัดค่าน้ำมัน ก็ที่สมุทรสาครงัย ร้านอาหารทะเลสด อร่อย หลังศาลเจ้ามัจฉานุ ของทะเลก็ได้จากบ่อเลี้ยงแบบธรรมชาติ ที่เจ้าของร้านเค้าดึงน้ำทะเลเข้ามาพักในบ่อแล้วให้โตตามธรรมชาติ มีอาหารแนะนำ เช่น ปลากระพงพอกเกลือเผา หอยพิมแดดเดียวผัดฉ่า หอยแครงลวก กุ้งอบวุ้นเส้น.... ร้านนี้หาไม่ยาก อยู่หลังศาลเจ้ามัจฉานุ เริ่มต้นโดยใช้เส้นธนบุรี-ปากท่อ พอเลยบุญถาวรไปแล้วต้องเข้าถนนคู่ขนาน แล้วจะเจอปากทางเข้าซ้ายมือที่เขียนว่าไปวัดโคกขาม ศาลพันท้ายนรสิงห์ ขับไปเรื่อยๆ จนถึงถนนสรรพสามิต ซึ่งอยู่เลียบริมคลองสรรพสามิต เลี้ยวซ้ายจนวิ่งข้ามคลองหัวถนน แล้วเลี้ยวขวาข้ามคลองสรรพสามิต จากนั้นจะมีเส้นหลักไปเรื่อยๆ จะเห็นป้ายศาลเจ้ามัจฉานุอยู่เป็นระยะๆ แต่ถ้าหลงก็โทรไปที่ เบอร์ 034-478-139, 086-1640170
ขอให้อร่อยแบบสบายกระเป๋าเด้อ!

สู้แดดกันมั้ย?

มาแว้ว....หน้าร้อนสุดโหด เฮ้อ! คิดถึงหน้าหนาวที่เพิ่งผ่านมาแว้บๆจัง... ยังไงก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้เนอะ แต่เราหาทางป้องกันได้นะจ๊ะ
โดยเลือกใช้ครีมกันแดด งั้นเรามารู้จักค่า SPF (sun protection sector) กันเถอะ ค่าSPF15 มีความหมายว่า ไนกรณีที่ทายากันแดดในความหนา2mg. ต่อพื้นที่ผิวหนัง 1 ตารางเซนติเมตร จะทนแดดได้ถึง15 เท่า จึงจะทำให้ผิวไหม้แดงได้ หมายความว่าครีมกันแดดจะมีฤทธิ์ประมาณ 15x15= 225 นาที หรือ 3ช.ม. 45นาที ต่อไปนี้เป็นวิธีง่ายๆในการสู้แดด...
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดในเวลา 09.00-15.00
- สวมเสื้อผ้ามิดชิด แว่นกันแดด หมวกปีกกว้างหรือกางร่ม
- ถ้าจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้ง ให้ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงกว่า 15
- มีสารเคมีที่กันUVAได้ดีอย่างน้อย 2ชนิด เช่น Oxybenzone TYO2 หรือ Parsol1789+ZnO
- กันน้ำได้ และไม่สลายจากแสง ( photo stable )
- ควรทาครีมกันแดดให้หนาเพียงพอ 15 นาทีก่อนออกแดด และทาซ้ำทุกๆ1-2 ช.ม.ถ้าว่ายน้ำหรืออยุ่กลางแดดจัด เพราะการทาซ้ำจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของครีมกันแดดได้อึก 2-3 เท่า
แต่อย่างไรก็ตาม การได้อยุ่กลางแสงแดดจะทำให้ร่างกายและจิตใจสดชื่น เนื่องจากมีการหลั่งสารแอนโดฟีน และได้รับวิตามินดีจากแสงแดดเพื่อกระดูกแข็งแรง โดยเฉพาะในวัยเด็กและผู้สูงอายุ ควรได้รับแสงแดดปานกลางอย่างสม่ำเสมอ ครั้งละ 15-30 นาที อาทิตย์ละ 2-3ครั้ง.......ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเราแพ้สารเคมี ก็ยังมีทางเลือกแบบธรรมชาติ โดยใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ทาแทนค่ะ ทั้งประหยัดและไม่ระคายเคืองต่อผิวด้วย
ข้อมูลครีมกันแดดจาก คอลัมป์บุคลิกภาพ โพสต์ทูเดย์

เรื่องของโยเกิร์ต

รู้มั้ยว่า โยเกิร์ตได้มาจากน้ำนมสัตว์ เช่น นมโค นมแพะ มาผ่านการทำลายจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค แล้วหมักด้วยจุลินทรีย์ที่ไม่ทำให้เกิดโรคหรืออันตราย ทำให้ค่าความเป็นกรดเพิ่มขึ้น (รสเปรี้ยว) และอาจปรุงแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้รับประทานอร่อยขึ้น.....เชื้อจุรินทรีย์ที่นำมาหมักให้เกิดรสเปรี้ยว เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่ทำให้เกิดโรค...เราเรียกมันว่า แลคติกแอซิด แบคทีเรีย ซึ่งช่วยระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดีขึ้น ช่วยในเรื่องขับถ่าย แล้วเราจะเลือกซื้ออย่างไร?
- เลือกซึ้อโยเกิร์ต ที่มีวันผลิตใกล้เคียงกับวันที่ซื้อมากที่สุด หรือมีวันหมดอายุที่เหลือเวลาอีกนานหลายวัน เพราะการมีอยู่ของจุลินทรีย์ที่มีชีวิต จะขึ้นอยู่กับอายุของโยเกิร์ต ยิ่งสดใหม่เท่าไหร่ จุลินทรีย์ที่มีชีวิตก็จะมีปริมาณสูง
- เลือกซึ้อรสธรรมชาติ จะได้รับคุณค่าทางโภชนาการมากกว่า
- แม้จะเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติ แต่ทุกยึ่ห้อมีน้ำตาล และส่วนใหญ่ให้พลังงานระหว่าง 80-150 กิโลแคลอรี่ แม้ที่ฉลากระบุว่าไขมันต่ำ
- นมเปรี้ยวพร้อมดื่มUHT ไม่เหมาะกับเด็กๆในวัยเติบโต เพราะเป็นการนำนมพร่องมันเนยหรือหางน้ำนมมาหมักด้วยจุลินทรีย์ แล้วแต่งด้วยสี กลิ่น หรือเติมน้ำผลไม้ เพื่อให้มีรสชาตต่างๆ ปริมาณโปรตีนจะลดลงเพราะถูกเจือจางด้วยน้ำและได้รับน้ำตาลทรายเพิ่มมากขึ้น
- สุดท้าย ถ้าอยากได้คุณค่าของโปรตีน หรือแคลเซียมในปริมาณมาก ก็ควรเลือกดื่มนมสดรสจืดดีกว่า เพราะทั้งถูกกว่า และมีคุณค่าสูงกว่า
จากวารสารฉลาดซื้อ

ป้องกันไว้ก่อน!

เหตุการณ์ปัจจุบันก็รู้ๆกันอยู่ว่า เศรษฐกิจฝืดเคือง ผู้คนตกงานมากมาย สินค้าแข่งกันลดราคา ก็ยังไม่มีคนซื้อ ช่างวังเวงจริงๆ แต่...เราอย่ามัวแต่ทดท้อ หมดความหวังกันล่ะ เราต้องรวมพลังกันคิดบวก ดำรงตนอย่างไม่ประมาท ถือโอกาสนี้ เข้าหาสถานที่ปฎิธรรมเพื่อรักษาสมดุลของจิต ให้สงบ รื่นรมย์ ท่ามกลางมรสุมกันเถอะ .....นอกจากป้องกันจิตไม่ให้ฟุ้งแล้ว เราก็ต้องหาทางป้องกันตัวจากภัยร้ายรอบตัว ที่จะมีอาชญกรรมเพิ่มมากขึ้น แบบง่ายๆ ประหยัดๆ เช่น
- พกร่มคันยาว ปลายแหลม เพื่อเป็นอาวุธ
- เลี้ยงสุนัขพันธุ์ดุ แต่ฉลาด อย่าง พันธุ์บางแก้ว ไว้ที่บ้าน
- ทำความรู้จักและแลกเบอร์โทรศัพท์กับข้างบ้านซะ
- หัดเป็นคนช่างสังเกตุ เช่นเวลากดตู้ ATM มีใครลอบมองมั้ย ใช้มือบังเวลากดรหัสด้วยนะ
- ข้ามสะพานลอยที่ไม่เปลี่ยว และคอยสังเกตุผู้คนรอบข้างล่ะ
- ระวังเดินให้ห่างพวกมอเตอร์ไซค์ เพราะการฉกชิง เกิดจากมอเตอร์ไซค์ก็เยอะ
สุดท้ายคือ การครองสติ เจริญสติ ทุกย่างก้าว จึงจะผ่านพ้นทุกสิ่งที่เลวร้ายไปได้

หยุดคิด...

วันนี้ เรามาบริโภคบทความดีๆกินใจกันดีกว่า!
" เรามีตึกสูงเสียดฟ้า แต่อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย มีถนนกว้างใหญ่ แต่ความคิดสั้นแคบ
เราใช้จ่ายมาก แต่มีสมบัติน้อยลง เราซื้อมาก แต่มีความสุขน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่มากขึ้น แต่มีครอบครัวที่เล็กลง เรามีความสะดวกสบายขึ้น แต่มีเวลาน้อยลง
มียารักษาโรค แต่สุขภาพกลับเลวลง เราได้เป็นเจ้าของสิ่งของมากมาย แต่ต้องสูญเสียคุณค่าของชีวิต
เราพูดมาก แต่รักกันน้อยลง เราเรียนรู้ที่จะดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ แตไม่ได้เรียนรู้ชีวิตเลย
เราเพิ่มเวลาเข้าไปในชีวิต แทนที่จะเพิ่มชีวิตเข้าไปในเวลาที่เหลืออยู่ เราถูกสอนให้เร่งรีบขึ้น แทนที่จะถูกสอนให้รอคอย
เราสร้างคอมพิวเตอร์ขึ้นมากมายเพื่อบันทึกข้อมูลและเก็บสำเนาข้อมูลไว้ แต่เราพูดคุยกันน้อยลง "
George Carlin แต่งขึ้นหลังจากการสูญเสียภรรยาสุดที่รักไปในเหตุการณ์ 9/11

ไม่อ้วน ด้วยน้ำมันมะพร้าว

เดี๋ยวนี้ ความอ้วนกลายเป็นโรคอย่างหนึ่งไปแล้ว เป็นกันตั้งแต่เด็กประถมเลย บางคนต้องยอมเจ็บตัว เสียเงินมากมายไปดูดไขมัน กินยา ผ่าตัดกระเพาะให้เล็ก ทนทุกข์ทรมาน เพื่อให้ผอมเพรียวให้ได้ หยุดเถอะ! เลิกทรมานร่างกายและจิตใจของเรา ยังมีวิธีอื่นที่ช่วยให้เราผอมกระชับได้ โดยไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน เช่น การกินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (แบบสกัดเย็น) วันละ 2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหาร ทุกๆวัน แล้วดื่มน้ำธรรมดาอุณหภูมิห้องตามลงไป ประมาณ 1 เดือนเป็นอย่างเร็วก็จะเห็นผลว่า พุงที่เคยยื่นกลับหดลง เซลลูไล้ท์ที่เคยมีเป็นลอนคลื่นก็เริ่มยุบไป นี่เป็นเพราะน้ำมันมะพร้าวซึ่งมีโมเลกุลสายกลาง เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะเปลี่ยนเป็นพลังงานเข้าสู่ตับโดยทันที ไม่สะสมในร่างกาย แต่กลับจะสลายไขมันที่คั่งค้างในร่างกายออกไปแทน ไม่มีคอเลสเตอรอลอุดตันตามความเชื่อผิดๆแบบเดิม แถมช่วยสร้างสมดุลให้ร่างกายอีกด้วย ลองใช้ทางเลือกนี้ดูซิคะ
ข้อมูลจากงานวิจัยของ ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา
http://www.coconut-connections.com/

น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ สามารถสั่งซื้อได้ ที่ ปารามิตา เอ็นเตอร์ไพรส์

โทร 02-8650029 / 081-8101443

ไม่อยู่บ้านหลายวัน รดน้ำต้นไม้ยังไงดี?

หน้านี้แล้งจัด! ใบกุหลาบในกระถางแห้งกรอบเชียว...อ้าว! ต้องไปต่างจังหวัด 2-3 วัน แล้วใครจะรดน้ำต้นไม้ล่ะเนี่ย เดี๋ยวก็แห้งตายกันหมดหรอก ! เพื่อนๆคงเคยเจอปัญหานี้กันทุกคนใช่ม่า แต่ไม่เป็นไร...เรามีเคล็ดที่ไม่ลับมาบอกกัน ลองนำขวดน้ำเปล่าที่เราจะทิ้งๆกันมาเจาะรูเล็กๆตรงฝาขวด พอให้น้ำหยดลงมาได้ ( อาจใช้ธูปจุดไฟให้แดง แล้วจี้ที่ฝาขวดให้เป็นรูก็ได้ แต่ถ้ารูใหญ่ไปก็ใช้ผ้าอุดอีกชั้น ) เป็นวิธีแบบน้ำหยดงัย ใส่น้ำให้เต็มขวด แล้วคว่ำขวดปักลงในกระถางต้นไม้ วิธีนี้ทำให้ต้นไม้แสนรักของเรา อยู่รอดได้ 2-3 วันโดยไม่ต้องรดน้ำ ลองดูซิคะ

ซองจดหมายรีไซเคิล

ว้าว! ร้อนจังเนอะ...แต่ร้อนกายก็พอ อย่าร้อนใจเลยนะจ๊ะพวกเรา ตามคำสอนของพระพุทธองค์ว่า จิตเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ไง
เอาละ! เรามาเข้าเรื่องประหยัดกันดีกว่า ในออฟฟิศเราจะมีการรับ-ส่งจดหมายกันเป็นประจำ ซองใหญ่สีน้ำตาลที่ส่งมา แทนที่จะทิ้ง เราก็เอามาใช้ส่งได้อีก โดยนำเอากระดาษ A4 แบ่งครึ่งมาทากาวแปะทับที่อยู่เก่าหน้าซอง เพื่อเขียนจ่าหน้าส่งได้อีกหลายครั้ง ติดแสตมป์ใหม่ ก็ส่งถึงมือผู้รับได้เหมือนกันค่ะ

หมัอหุงข้าวมหัศจรรย์

เป็นธรรมดาที่พวกเราจะหุงข้าวก็ต้องใช้หม้อหุงข้าวอยู่แล้ว แต่เราลองมาเพิ่มประโยชน์ใช้สอยกับหม้อหุงข้าวใบนี้ของเราอีกดีมั้ย?
เช่น ใช้นึ่งซาลาเปา ขนมจีบ โดยเติมน้ำพอปริ่มมือเรา แล้ววางฐานรังผึ้ง ( หาซื้อได้ตามห้าง ไม่แพง ) เสร็จแล้ววางจานที่ใส่ซาลาเปา ขนมจีบลงไปนึ่งเลย ประมาณ 7-10 นาทีก็สุกแล้ว นิ่มอร่อยเชียว หรือจะใช้ต้ม ตุ๋นก็ยังไหวนะ ลองดูซิคะ ยังไงค่าไฟก็ยังถูกกว่าแก๊สละกัน

อุ่นอาหารแบบมีกึ๋น

ใช่เลย....ยุคนี้เป็นยุคแม่บ้านต้องมีกึ๋น ทำอะไรแต่ละอย่างจะต้องรอบคอบ บริหารจัดการได้ทุกอย่างๆมีประสิทธิภาพ ทำนองว่ามือก็ไกวดาบก็แกว่งงัย ที่สำคัญเน้นที่ประหยัดทั้งเงินทองและเวลา เอาล่ะ! อย่างเวลาอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ แทนที่จะอุ่นจานเดียว เราก็จัดการหาจานเปล่ามาซ้อนปิดด้านบนแล้ววางกับข้าวจานที่สองไว้ด้านบนซิ เท่านี้ก็ทำให้ไม่เสียเวลา ไม่เสียค่าไฟเยอะ พลังงานหารสอง นำเทรนด์จริงๆ ฮิ ฮิ

หมุนเงินดีๆ

เฮ้อ! เศรษฐกิจทุกวันนี้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติกันมากขึ้นเนอะ ยื่งใครต้องใช้เงินอนาคตกันแล้ว ต้องพยายามยั้งใจ อย่ารูดปรื๊ดๆแบบที่โฆษณาล่ะ แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องรูดจริงๆ เราก็พอมีวิธีเลี่ยงการชนกันของรายจ่ายได้ พวกเราคงจะถือบัตรคนละอย่างต่ำ 2 ใบใช่ม่า เราก็มาตรวจสอบรอบบิลที่ตัดบัญชีของแต่ละบัตร เช่น บัตรแรกตัดรอบบัญชีวันที่ 15 ส่วนบัตรที่สองตัดรอบบัญชีวันที่ 30 เป็นต้น เวลาเรารูดบัตรก็คิดเสียก่อนว่าวันนั้นวันที่เท่าไหร่ เช่น วันที่ 10 เราก็ควรรูดบัตรใบที่สองใช่มั้ย เพราะตัดรอบวันที่ 30 โน่นแน่ะ
ทำวิธีนี้ก็จะไม่ทำให้รายจ่ายประดังมาในบัตรใบเดียว เวลาเดียวกัน ทำให้เราหายใจคล่องขึ้นบ้าง แต่วิธีนี้คนถือบัตรใบเดียวหมดสิทธิใช้นะจ๊ะ ทางที่ดีพยายามอย่าใช้จ่ายเกินตัว ดีที่สุด เนาะ

ย้อมผมธรรมชาติ

เวลาผ่านไปรวดเร็วจริง เผลอแว็บเดียวผมขาวมาเยือนกันแล้ว หลายๆคนหาวิธีไล่แขกผู้ไม่ได้รับเชิญโดยย้อมผม แต่สักพักมันก็กลับมาเยือนใหม่ ก็ต้องย้อมอีก จนผมที่เคยเงางามสุขภาพดี กลายเป็นแตกแห้งหยาบกระด้าง แย่เข้าไปอีก ทั้งเสียเงินครั้งละหลายๆร้อย หรืออาจเป็นพัน เรามาใช้วิธีธรรมชาติในการปิดผมขาวกันดีกว่า ทั้งประหยัดแล้วก็ไม่ทำลายเส้นผม ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย ลองใช้ผงเฮนน่าถุงละไม่กี่สิบบาทแถวตรอกอินเดีย ย่านพาหุรัด วิธีใช้ก็แสนง่าย แต่อาจจะต้องป้องกันความเลอะเทอะซะหน่อย ลองดูนะคะ
วิธีใช้ 1.เตรียมผงเฮนน่าประมาณ 150 กรัม สำหรับหนึ่งคน
2.ชงน้ำร้อน 100 ซีซี กับชาเนสท์ทีหรือยี่ห้ออื่นที่ถูกๆก็ได้ แต่ต้องเป็นชาถุงนะ แช่จนสีข้น
3.นำน้ำชามาเทใส่ถ้วยเฮนน่า แล้วคนผสมจนเนียนดี อาจเติมน้ำเย็นอีกได้ถ้าข้นเกินไป คนจนได้เป็นเนื้อครีมเนียน
4.เตรียมผ้าสีเข้มมาคลุมบ่า กันเลอะ
5.ล้างผมพอหมาด
6.สวมถุงมือ แล้วหาตะเกียบหรือแปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วมาควักครีมเฮนน่าทาให้ทั่วศีรษะ แล้วขยี้ให้ทั่ว
7.ใช้หมวกคลุมผม แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง หรือต้องการให้สีติดเข้ม ก็หมักซะ 1 ชั่วโมง
8.เสร็วแล้วสระผมให้สะอาด
ถ้าต้องการให้สีติดทั่วๆ ก็หมักติดต่อกันเดือนละครั้ง ทางที่ดีหาพี่ๆน้องๆให้ช่วยทำให้จะสะดวกที่สุดเลย สีผมจะออกน้ำตาลเข้มสวยงามทีเดียว แถมเส้นผมก็แข็งแรงดีด้วย
เคล็ด(ไม่)ลับ การหมักเฮนน่า หากเคยย้อมผมด้วยสารเคมีมาก่อน ควรทิ้งช่วงซะ 1 เดือนเพื่อให้สารเคมีเจือจาง จึงจะหมักเฮนน่าได้ประสิทธิภาพ

ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ

เพื่อนๆ ลองมาทำปุ๋ยน้ำอินทรีย์เอง ดีกว่า สูตรจากคุณจิราภรณ์ คงธรรม เผยแพร่โดย โพสต์ทูเดย์

เตรียม เศษผักผลไม้ 3 กิโล น้ำตาลทรายแดงหรือกากน้ำตาล 1 กิโล หัวเชื้อจุลินทรีย์ น้ำสะอาด

วิธีทำ 1.นำเศษผักผลไม้ที่มีในครัวทั้งเปลือก ใบ ผล และเมล็ด ผสมกับน้ำตาลทรายแดงหรือกากน้ำตาล คลุกเคล้าให้เข้ากัน หากใช้กากน้ำตาลซึ่งค่อนข้างข้นควรกวนให้เข้ากัน

2.บรรจุใส่ถุงตาข่ายหรือถุงปุ๋ย วางลงในถังพลาสติก ปิดฝาให้เรียบร้อย

3.ประมาณ 10 วัน จะได้น้ำจุลินทรีย์ออกมา ให้เติมน้ำลงไป 5 เท่าของปริมาตรน้ำจุลินทรีย์ที่ได้ กดให้จมน้ำ หากลอยขึ้นมาจะทำให้การหมักไม่สมบูรณ์ เกิดกลิ่นเหม็นได้

4.สามารถเติมขยะสดเพิ่มลงไปได้ทุกวัน น้ำที่นำไปใช้ได้จะมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลเข้ม กลิ่นหอมอมเปรี้ยวอมหวาน ส่วนกากสามารถนำไปตากให้แห้ง โรยเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้ต่อไปได้

คุณสมบัติ

นอกจากมีธาตุอาหารที่ช่วยมให้พื่ชเจริญเติบโตได้ดีแล้ว ยังมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ในดิน ช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุให้กลายเป็นปุ๋ยสำหรับพืช ทำให้ดินร่วยซุย และพัฒนาการเจริญเติบโตของพืช

วิธีใช้งาน

ผสมน้ำหมัก 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 5 ลิตร ใช้ฉีดพ่นหรือรดลงในดินสัปดาห์ละครั้ง

ข้อควรระวัง

หากการหมักยังไม่สมบูรณ์ ปริมาณกรดและน้ำตาลยังสูงอยู่ จะส่งผลเป็นพิษต่อพืช

ข้อแนะนำ

1. หากผสมสมุนไพร เช่น สะเดา ตะไคร้หอม ยาสูบ ดีปลีหรือพริกขี้หนู โดยใส่ผงสมุนไพร 2-5 ช้อนโต๊ะ ลงไปในส่วนผสมของขั้นตอนการหมักปุ๋ยอินทรีย์น้ำแต่แรก จะสามารถใช้เป็นสารไล่แมลงได้ด้วย

2. สามารถใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำในการบำบัดน้ำเสียและกำจัดคราบไขมันอุดตันในท่อ โดยใช้ผสมน้ำในอัตราส่วน 1:10 เทใส่ในท่อน้ำทิ้ง บ่อบำบัดไขมัน บ่อน้ำเสีย ทิ้งไว้ 1 คืนแล้วจึงราดน้ำตาม

3. ไม่ควรเก็บปุ๋ยน้ำไว้ในที่โดนแดด ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 20-30 องศาเซลเซียส จะเก็บได้นาน 6 เดือน

4. ปุ๋ยน้ำมีธาตุอาหารค่อนข้างน้อย แต่มีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการปรับปรุงโครงสร้างและคุณภาพดิน ดังนั้นจึงอาจใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมีในปริมาณเล็กน้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงต้นไม้

น้ำยาล้างห้องน้ำอย่างประหยัด

เลิกเถอะ...เลิกใช้น้ำยาล้างห้องน้ำที่เป็นกรดทั้งหลาย เพราะนอกจากจะกัดกินเงินในกระเป๋าแล้ว ยังกัดกินมือไม้ กระเบื้อง จุลินทรีย์ แบคทีเรียที่มีประโยชน์ช่วยย่อยสลายของเสียก็พลอยตายไปด้วย ลองหันมาใช้น้ำยาล้างจานแทนซิ ใช้ทำความสะอาดได้ไม่แพ้น้ำยาก๊าบๆแพงๆเลย ทั้งราคาก็ถู้กถูก 3 ถุง 40บาท เป็นต้น ใช้ได้หลายๆเดือนครอบจักรวาล สบายกระเป๋า สบายมือ สบายใจไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

การต้มน้ำกิน

หลีกเลี่ยงใช้เครื่องกรองน้ำ เพราะการกรองน้ำจนสะอาด100%ดื่ม เป็นความคิดที่ผิด เพราะแร่ธาตุ สำคัญๆเช่น แมกนีเซียม ที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ป้องกันการเกาะของคลอเลสเตอรอลในหลอดเลือดแดง และป้องกันการแข็งตัวของเลือด

จะหายไปด้วย จะทำให้เป็นโรคหัวใจกัน ส่วนการต้มน้ำดื่มโดยใช้แก๊สก็จะทำให้สิ้นเปลืองค่าแก๊ส(มีโอกาสแพงขึ้นเรื่อยๆนะจะบอกให้) ก็ถังหนึ่งตั้ง300บาทแน่ะ ใช้แก๊สทั้งทำกับข้าวแล้วก็ต้มน้ำ ไม่ถึงเดือนก็หมดถังแล้ว ลองเปลี่ยนเป็นกาต้มน้ำไฟฟ้าซิ พอเดือดก็จัดการเทลงกาใหญ่ หลายรอบก็เต็มกาแล้ว รอให้เย็นก็กินได้ อ้อ!อย่าลึมปลดปลั๊กออกนะจ๊ะ จะได้ไม่เปลืองค่าไฟ วิธีนี้จะทำให้ยึดเวลาการใช้แก๊สไปได้อีกตั้ง 1 เดือนแน่ะ อ้อ! เวลาเอาปลั๊กออกต้องเอาออกทั้งหัวปลั๊กและฐานปลั๊กด้วยนะจ๊ะ ไฟจะได้ไม่ช็อต
ลองทำดูนะจ๊ะ